ความแตกต่างของ นักแปล ล่าม และไกค์ทัวร์

ความแตกต่างของ นักแปล ล่าม และไกค์ทัวร์

บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถทางด้านภาษา โดยจะพูดถึงทักษะ ความสามารถที่จำเป็น รวมถึงโอกาสทางอาชีพ  ไปดูกันเลยว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร 


อาชีพนักแปล (Translator)

ลักษณะงาน: นักแปลคือผู้ที่ถ่ายทอดข้อความและความหมายจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่ง โดยเน้นที่การแปล ข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น หนังสือ บทความ เว็บไซต์ เอกสารทางธุรกิจ กฎหมาย หรือวรรณกรรม

ทักษะสำคัญ:

  • ความเชี่ยวชาญทางภาษา: มีความรู้และความเข้าใจในไวยากรณ์ คำศัพท์ สำนวน และวัฒนธรรมของทั้งภาษาต้นฉบับและภาษาเป้าหมายในระดับสูง
  • ความสามารถในการจับใจความ: สามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในข้อความต้นฉบับได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
  • ทักษะการเขียน: สามารถเรียบเรียงข้อความในภาษาเป้าหมายให้สละสลวย เป็นธรรมชาติ และสื่อความหมายได้ตรงตามต้นฉบับ
  • ความรู้เฉพาะทาง: ในบางครั้งอาจต้องมีความรู้ในสาขาเฉพาะทาง เช่น การแพทย์ กฎหมาย วิทยาศาสตร์ หรือเทคโนโลยี เพื่อให้การแปลมีความถูกต้องและเหมาะสมกับบริบท
  • ความละเอียดรอบคอบ: ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยและความถูกต้องของคำศัพท์และไวยากรณ์
  • ทักษะการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี: คุ้นเคยกับการใช้โปรแกรมช่วยแปล (CAT Tools) และแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ


โอกาสทางอาชีพ:

  • ทำงานอิสระ (Freelance): รับงานแปลจากหลากหลายลูกค้าและบริษัท
  • ทำงานในบริษัท: เป็นนักแปลประจำในบริษัทข้ามชาติ องค์กรระหว่างประเทศ สำนักพิมพ์ หรือบริษัทที่ให้บริการด้านการแปลโดยเฉพาะ
  • ทำงานในหน่วยงานราชการ: แปลเอกสารและติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศ
  • ทำงานในอุตสาหกรรมสื่อ: แปลบทภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือเนื้อหาสำหรับสื่อต่างๆ

อาชีพล่าม (Interpreter)

ลักษณะงาน: ล่ามคือผู้ที่ถ่ายทอดข้อความและความหมายจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่ง โดยเน้นที่การแปล คำพูดแบบสดๆ ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การประชุม สัมมนา การเจรจาธุรกิจ การให้การรักษาพยาบาล หรือการให้ปากคำในชั้นศาล

ทักษะสำคัญ:

  • ความเชี่ยวชาญทางภาษา: มีความรู้และความเข้าใจในไวยากรณ์ คำศัพท์ สำนวน และวัฒนธรรมของทั้งภาษาต้นทางและภาษาเป้าหมายในระดับสูงมาก
  • ทักษะการฟังและการพูด: สามารถฟังและเข้าใจคำพูดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงสามารถพูดถ่ายทอดความหมายได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
  • ความสามารถในการจดจำ: สามารถจดจำข้อมูลและรายละเอียดที่พูดได้อย่างแม่นยำเพื่อถ่ายทอดได้อย่างครบถ้วน
  • ความรวดเร็วและคล่องแคล่ว: สามารถคิดและถ่ายทอดความหมายได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์
  • ความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์เฉพาะหน้า: สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการล่ามได้อย่างมีไหวพริบ
  • ความเป็นกลางและจรรยาบรรณ: รักษาความเป็นกลางและถ่ายทอดข้อมูลอย่างเที่ยงตรง
  • ทักษะทางสังคมและมนุษยสัมพันธ์: มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนและเข้าใจบริบททางสังคม

โอกาสทางอาชีพ:

  • ทำงานอิสระ (Freelance): รับงานล่ามในงานประชุม สัมมนา หรืออีเวนท์ต่างๆ
  • ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ: เป็นล่ามประจำในองค์กรสหประชาชาติ สถานทูต หรือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
  • ทำงานในบริษัท: เป็นล่ามประจำในบริษัทข้ามชาติที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศบ่อยครั้ง
  • ทำงานในโรงพยาบาลหรือหน่วยงานราชการ: ล่ามสำหรับการสื่อสารระหว่างผู้ป่วย/ผู้รับบริการชาวต่างชาติและเจ้าหน้าที่
  • ทำงานในการท่องเที่ยว: ล่ามสำหรับการนำเที่ยวกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ในบางบริบทอาจทับซ้อนกับอาชีพไกด์)

อาชีพไกด์ (Tour Guide)

ลักษณะงาน: ไกด์คือผู้ที่นำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ของสถานที่นั้นๆ โดยใช้ภาษาต่างประเทศในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ทักษะสำคัญ:

  • ความเชี่ยวชาญทางภาษา: สามารถสื่อสารด้วยภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่วและเข้าใจง่าย
  • ความรู้เกี่ยวกับสถานที่: มีความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ และข้อมูลที่น่าสนใจของสถานที่ที่นำเที่ยว
  • ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอ: สามารถถ่ายทอดข้อมูลได้อย่างน่าสนใจ ชัดเจน และสนุกสนาน
  • ทักษะการจัดการกลุ่ม: สามารถดูแลและจัดการกลุ่มนักท่องเที่ยวให้เป็นระเบียบและปลอดภัย
  • ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า: สามารถรับมือและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการนำเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • บุคลิกภาพที่ดี: มีความกระตือรือร้น เป็นมิตร มีใจรักบริการ และมีความอดทน
  • ความรู้ด้านความปลอดภัยและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น: สามารถดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นได้

โอกาสทางอาชีพ:

  • ทำงานให้กับบริษัทนำเที่ยว: เป็นไกด์ประจำหรือไกด์อิสระที่รับงานจากบริษัทนำเที่ยว
  • ทำงานอิสระ: จัดทริปนำเที่ยวเองสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
  • ทำงานในสถานที่ท่องเที่ยว: เป็นไกด์ประจำสถานที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ อุทยานประวัติศาสตร์ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
  • ทำงานในอุตสาหกรรมการโรงแรม: ให้ข้อมูลและบริการแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าพัก
อ่านเพิ่มเติม  
เทคนิคการจด Short Note ในงานล่าม

เทคนิคการจด Short Note ในงานล่าม

การจด Short Note ที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของการล่ามแบบต่อเนื่อง (Consecutive Interpreting) เพื่อช่วยให้เราถ่ายทอดข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นธรรมชาติ   

นี่คือเทคนิคและแนวทางที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้:

1. เข้าใจหลักการพื้นฐาน:

  • ไม่ใช่การจดทุกคำ: เป้าหมายคือการจับประเด็นสำคัญ ความคิดหลัก และลำดับเหตุการณ์ ไม่ใช่การถอดคำพูดทุกคำ
  • เน้น "ใคร ทำ อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ทำไม": พยายามจับใจความสำคัญของข้อมูลเหล่านี้
  • ใช้สัญลักษณ์ ตัวย่อ และคำหลัก: สร้างระบบสัญลักษณ์และตัวย่อที่เป็นของคุณเอง เพื่อจดบันทึกได้อย่างรวดเร็ว
  • จัดระเบียบโน้ต: แบ่งหน้ากระดาษเป็นส่วนๆ ใช้การย่อหน้า และลูกศร เพื่อแสดงความเชื่อมโยงของข้อมูล
  • ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: การจด Short Note เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญและความรวดเร็ว

2. เทคนิคการจดบันทึก:

  • ใช้คำหลัก (Keywords):จดเฉพาะคำที่มีความหมายสำคัญต่อประโยคหรือแนวคิดนั้นๆ
    • ตัวอย่าง: แทนที่จะจด "รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง" ให้จด "รัฐบาล -> ส่งเสริม -> ลงทุน -> เทคโนโลยี สูง"
  • ใช้สัญลักษณ์ (Symbols):สร้างสัญลักษณ์แทนคำหรือวลีที่ใช้บ่อย
    • ตัวอย่าง:
      • ↑ (ขึ้น) แทน เพิ่มขึ้น, สูงขึ้น
      • ↓ (ลง) แทน ลดลง, ต่ำลง
      • → (ไป) แทน นำไปสู่, ส่งผลให้
      • ↔ (สองทาง) แทน ความสัมพันธ์, การแลกเปลี่ยน
      • + (บวก) แทน และ, นอกจากนี้
      • − (ลบ) แทน แต่, ตรงกันข้าม
      • = (เท่ากับ) แทน คือ, หมายถึง
      • ? (คำถาม) แทน คำถาม, ข้อสงสัย
      • ! (ตกใจ) แทน ความสำคัญ, น่าสนใจ
  • ใช้ตัวย่อ (Abbreviations):ย่อคำศัพท์ที่ใช้บ่อยๆ
    • ตัวอย่าง:
      • ปท. แทน ประเทศ
      • ศก. แทน เศรษฐกิจ
      • บ. แทน บริษัท
      • รบ. แทน รัฐบาล
      • กม. แทน กฎหมาย
      • อุตฯ แทน อุตสาหกรรม
      • เทคโนฯ แทน เทคโนโลยี
  • ใช้ตัวอักษรแรก (Initial Letters):แทนคำหรือวลีด้วยตัวอักษรแรก
    • ตัวอย่าง:
      • UN แทน United Nations
      • WHO แทน World Health Organization
      • ASEAN แทน Association of Southeast Asian Nations
  • แสดงความสัมพันธ์ (Connections):ใช้ลูกศร เส้น หรือการจัดวางในแนวตั้ง/แนวนอน เพื่อแสดงความเชื่อมโยงของไอเดีย
    • ตัวอย่าง:
      • เหตุการณ์ A → ผลลัพธ์ B
      • ปัญหา X ↓ นโยบาย Y
  • จับลำดับเวลา (Chronology):ใช้ตัวเลข หรือสัญลักษณ์แสดงลำดับเหตุการณ์
    • ตัวอย่าง: 1. เริ่มต้น 2. พัฒนา 3. สิ้นสุด
  • บันทึกความคิดหลัก (Main Ideas): แยกบันทึกความคิดหลักออกจากรายละเอียดสนับสนุน
  • เว้นที่ว่าง: เว้นที่ว่างระหว่างหัวข้อหรือประเด็น เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและทำความเข้าใจภายหลัง
  • ใช้กระดาษโน้ตที่มีเส้น: ช่วยให้การจดบันทึกเป็นระเบียบและอ่านง่ายขึ้น
  • ฝึกการ "ฟังอย่างตั้งใจ" (Active Listening): การเข้าใจเนื้อหาอย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณจดบันทึกเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริงๆ

3. ตัวอย่างการนำไปใช้:คำพูดต้นฉบับ: "บริษัทของเราได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย ซึ่งเราได้ขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 30% อันเป็นผลมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่เราได้ปรับปรุงเมื่อสองปีก่อน"Short Note ที่เป็นไปได้:

บ. [$\uparrow$ ต่อเนื่อง] 5 ปี
$\rightarrow$ ตลาด เอเชีย
   $\uparrow$ ฐานลูกค้า 30%
   $\leftarrow$ กลยุทธ์ ตลาด [$\leftrightarrow$ ปรับปรุง] 2 ปี

คำอธิบาย Short Note:

  • บ. แทน บริษัท
  • [$\uparrow$ ต่อเนื่อง] แทน เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • 5 ปี ระบุช่วงเวลา
  • $\rightarrow$ แสดงความเชื่อมโยงไปยังตลาดเอเชีย
  • ตลาด เอเชีย ระบุภูมิภาค
  • $\uparrow$ ฐานลูกค้า 30% แสดงการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าและจำนวน
  • $\leftarrow$ แสดงสาเหตุมาจาก
  • กลยุทธ์ ตลาด [$\leftrightarrow$ ปรับปรุง] 2 ปี ระบุกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีการปรับปรุงเมื่อ 2 ปีก่อน

4. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • การจดทุกคำ: ทำให้เสียเวลาและอาจพลาดประเด็นสำคัญ
  • การใช้ภาษาที่ซับซ้อนเกินไป: ควรใช้สัญลักษณ์และตัวย่อที่คุณเข้าใจได้ทันที
  • การไม่จัดระเบียบโน้ต: ทำให้ยากต่อการอ่านและทำความเข้าใจภายหลัง
  • การพึ่งพาโน้ตมากเกินไป: โน้ตเป็นเพียงตัวช่วย ควรฝึกความจำและการสรุปความด้วย

5. ฝึกฝนและปรับปรุง:

  • ฝึกจด Short Note จากแหล่งต่างๆ: ลองฟังข่าว บทสัมภาษณ์ หรือการบรรยายสั้นๆ แล้วฝึกจดโน้ต
  • ทบทวนโน้ตของคุณ: หลังจากจดแล้ว ลองอ่านและถ่ายทอดข้อมูลจากโน้ตของคุณ เพื่อดูว่าคุณเข้าใจหรือไม่
  • ปรับปรุงระบบของคุณ: เมื่อคุณเริ่มชำนาญขึ้น คุณอาจพบว่ามีสัญลักษณ์หรือตัวย่อใหม่ๆ ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณมากขึ้น

การจด Short Note ที่มีประสิทธิภาพเป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน อย่าท้อแท้หากในช่วงแรกยังไม่คล่องแคล่ว ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การฟังและการจดของคุณ แล้วคุณจะพบว่ามันช่วยให้งานล่ามของคุณราบรื่นและแม่นยำยิ่งขึ้น


อ่านเพิ่มเติม  
ล่ามฝรั่งเศส ไทย - ค่าบริการ

ล่ามฝรั่งเศส ไทย - ค่าบริการ

ค่าบริการล่ามภาษาฝรั่งเศส-ไทย ในประเทศไทยมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งประเภทของการล่าม ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของล่าม ระยะเวลาของงาน และความยากของเนื้อหาของาน โดยทั่วไปสามารถแบ่งประเภทของล่ามและการประเมินค่าตัวได้ดังนี้

1. ล่ามพูดตาม (Consecutive Interpreting)ล่ามประเภทนี้จะทำการแปลหลังจากผู้พูดได้พูดจบไปแล้วเป็นช่วงๆ เหมาะสำหรับการประชุมขนาดเล็ก การเจรจาธุรกิจ การบรรยาย หรือสถานการณ์ที่ไม่ต้องการความต่อเนื่องแบบเรียลไทม์

  • ลักษณะงาน: ผู้พูดจะพูดเป็นประโยคหรือย่อหน้าสั้นๆ แล้วหยุดให้ล่ามทำการแปล
  • อัตราค่าบริการ: จากข้อมูลที่มีแนวโน้มว่าค่าบริการล่ามพูดตามภาษาฝรั่งเศส-ไทยจะอยู่ในช่วงประมาณ 4,500 - 10,000+ บาทต่อวัน (ครึ่งวันประมาณ 3,000 - 6,000+ บาท). ราคานี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของล่าม

2. ล่ามตู้ (Simultaneous Interpreting)หรือที่เรียกว่า ล่ามพูดพร้อม ล่ามประเภทนี้จะทำการแปลไปพร้อมๆ กับที่ผู้พูดกำลังพูด โดยมักจะทำงานในห้องเก็บเสียง (ตู้ล่าม) และผู้ฟังจะฟังการแปลผ่านหูฟัง เหมาะสำหรับงานประชุม สัมมนานานาชาติขนาดใหญ่ที่ต้องการความต่อเนื่องของเวลา

  • ลักษณะงาน: ล่ามจะฟังเสียงผู้พูดผ่านหูฟังและแปลออกมาเป็นภาษาเป้าหมายเกือบจะทันที
  • อัตราค่าบริการ: ค่าบริการล่ามตู้ภาษาฝรั่งเศส-ไทยจะมีราคาสูงกว่าล่ามพูดตามอย่างชัดเจน เนื่องจากต้องใช้สมาธิและทักษะสูง โดยมีแนวโน้มอยู่ในช่วงประมาณ 9,000 - 20,000+ บาทต่อวัน (ครึ่งวันประมาณ 6,000 - 12,000+ บาท). การล่ามประเภทนี้มักต้องใช้ล่าม 2 คนสลับกันเพื่อรักษาคุณภาพและความแม่นยำ และอาจมีค่าใช้จ่ายในการเช่าอุปกรณ์ตู้ล่ามและหูฟังเพิ่มเติม

3. ล่ามกระซิบ (Whispering Interpreting / Chuchotage)ล่ามประเภทนี้จะนั่งหรือยืนอยู่ใกล้กับผู้ฟังจำนวนน้อย (ส่วนใหญ่มักจะเป็นเพียง 1-2 คน) และทำการแปลเนื้อหาจากผู้พูดด้วยเสียงกระซิบให้ผู้ฟังเหล่านั้นได้ยินโดยตรง เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์สำหรับล่ามตู้ได้ หรือมีผู้ฟังที่ต้องการล่ามเพียงไม่กี่คนในการประชุมหรือการเยี่ยมชมต่างๆ

  • ลักษณะงาน: ล่ามจะฟังผู้พูดและกระซิบแปลให้ผู้ฟังกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
  • อัตราค่าบริการ: ค่าบริการล่ามกระซิบอาจใกล้เคียงกับล่ามพูดตาม หรืออาจสูงกว่าเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเข้มข้นของงาน โดยอาจอยู่ในช่วงประมาณ 5,000 - 12,000+ บาทต่อวัน ทั้งนี้ การใช้งานล่ามกระซิบในระยะเวลานานอาจทำให้ล่ามอ่อนล้าได้ง่าย

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าบริการ:

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ: ล่ามที่มีประสบการณ์สูง มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (เช่น ด้านกฎหมาย การแพทย์ เทคนิค) หรือมีใบรับรองมักจะมีค่าตัวสูงกว่า
  • ความยากของเนื้อหา: เนื้อหาที่มีความซับซ้อน ใช้ศัพท์เฉพาะทางสูง จะมีค่าบริการที่สูงขึ้น
  • ระยะเวลาและสถานที่: อัตราค่าบริการมักคิดเป็นครึ่งวันหรือเต็มวัน หากเกินเวลามาตรฐานอาจมีค่าล่วงเวลา (Overtime) การเดินทางไปยังสถานที่ห่างไกลอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร)
  • ลักษณะของงาน: งานที่เป็นทางการมากๆ หรือมีความสำคัญสูง อาจมีอัตราค่าบริการที่สูงขึ้น

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

  • เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด ควรติดต่อบริษัทจัดหาล่าม หรือล่ามฟรีแลนซ์โดยตรง พร้อมให้รายละเอียดเกี่ยวกับประเภทงาน ภาษาคู่ (ฝรั่งเศส-ไทย) วันเวลา สถานที่ ลักษณะเนื้อหาของาน และจำนวนผู้ฟัง เพื่อขอใบเสนอราคาที่ spesific กับความต้องการของคุณ
  • สอบถามเกี่ยวกับเงื่อนไขอื่นๆ เช่น นโยบายการยกเลิก การคิดค่าล่วงเวลา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

โปรดทราบว่าช่วงราคาที่รวบรวมมานี้เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น และค่าบริการจริงอาจแตกต่างออกไป ควรพิจารณาจากความต้องการและงบประมาณของคุณเป็นหลักในการเลือกล่ามที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม  
ผู้ช่วยนักแปล

ผู้ช่วยนักแปล

โปรแกรม CAT Tools (Computer-Assisted Translation Tools) เป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับนักแปล โดยไม่ได้เป็นการแปลโดยเครื่องจักร (Machine Translation) ทั้งหมด แต่เป็นการใช้คอมพิวเตอร์มา ช่วย งานแปลในด้านต่างๆโปรแกรม CAT Tools ช่วยงานแปลอย่างไรบ้าง?

  1. การจัดการหน่วยความจำคำแปล (Translation Memory - TM):นี่คือหัวใจหลักของ CAT Tools โปรแกรมจะบันทึกประโยค (หรือ Segments) ต้นฉบับและคำแปลที่คุณทำไว้ลงในฐานข้อมูล (TM) เมื่อเจอประโยคเดิมหรือประโยคที่คล้ายคลึงกันในเอกสารใหม่ โปรแกรมก็จะดึงคำแปลที่เคยทำไว้มาแสดงให้คุณนำมาใช้ได้ทันที ซึ่งช่วย:
    • เพิ่มความเร็ว: ไม่ต้องแปลประโยคซ้ำๆ
    • เพิ่มความสม่ำเสมอ: ใช้คำศัพท์และสำนวนที่เคยแปลไว้แล้ว
    • ลดค่าใช้จ่าย: ลูกค้าอาจคิดราคาต่อคำถูกลงสำหรับคำที่ซ้ำใน TM
  2. การจัดการฐานข้อมูลคำศัพท์ (Terminology Base - TB หรือ Glossary): ช่วยให้นักแปลสามารถสร้างและจัดการรายการคำศัพท์เฉพาะทาง พร้อมคำแปลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ ช่วยให้มั่นใจว่าใช้คำศัพท์ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ โดยเฉพาะในเอกสารเฉพาะทาง
  3. การแบ่งส่วนของข้อความ (Segmentation): โปรแกรมจะแบ่งข้อความต้นฉบับออกเป็นส่วนเล็กๆ (ส่วนใหญ่มักเป็นประโยค) ทำให้นักแปลสามารถโฟกัสการแปลทีละส่วนได้อย่างเป็นระบบ
  4. การรักษารูปแบบของเอกสาร (Formatting Preservation): โปรแกรมส่วนใหญ่จะแยกข้อความออกจากรูปแบบ (เช่น ตัวหนา ตัวเอียง ตาราง รูปภาพ) ทำให้นักแปลโฟกัสที่การแปลเนื้อหา โดยไม่ต้องกังวลว่ารูปแบบจะเพี้ยน เมื่อแปลเสร็จ โปรแกรมจะนำคำแปลไปใส่ในรูปแบบเดิมให้โดยอัตโนมัติ
  5. การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Assurance - QA Check): โปรแกรมมีเครื่องมือช่วยตรวจสอบข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เช่น ตัวเลขไม่ตรงกัน เครื่องหมายวรรคตอนตกหล่น คำศัพท์เฉพาะที่กำหนดไว้ยังไม่ได้ใช้ หรือความไม่สอดคล้องกันอื่นๆ
  6. การรองรับไฟล์หลากหลายรูปแบบ: CAT Tools สามารถทำงานกับไฟล์ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel, PowerPoint, HTML, XML, SDLXLIFF, XLIFF และอื่นๆ อีกมากมาย
  7. การบูรณาการกับเครื่องมือแปลภาษา (Machine Translation - MT): CAT Tools หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกับบริการ MT (เช่น Google Translate, DeepL) เพื่อใช้เป็นคำแปลเบื้องต้นในกรณีที่ไม่มี TM Match ซึ่งต้องอาศัยการแก้ไข (Post-editing) โดยนักแปลอีกครั้ง

ควรทดลองเริ่มใช้ตัวฟรี ตัวไหนก่อน?สำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากทดลองใช้ CAT Tools โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้ลองใช้ OmegaT ครับ

  • OmegaT: เป็นโปรแกรม CAT Tool แบบ Open Source และ ฟรีอย่างแท้จริง ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาด TM หรือจำนวนโครงการ มีฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นครบถ้วน (TM, Term Base, QA Check, รองรับไฟล์หลายรูปแบบ) ถึงแม้หน้าตาอินเทอร์เฟซอาจจะดูเรียบง่ายกว่าโปรแกรมเสียเงิน แต่ใช้งานได้ดีและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจหลักการทำงานของ CAT Tools นอกจากนี้ยังมีชุมชนผู้ใช้งานที่คอยช่วยเหลือ
  • Smartcat: เป็น CAT Tool แบบ Cloud-based ที่มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้ (อาจมีข้อจำกัดบางอย่างเมื่อเทียบกับเวอร์ชันเสียเงิน) เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่ต้องติดตั้ง และมีฟังก์ชันการทำงานครบวงจรพอสมควร รวมถึงการเชื่อมต่อกับ MT engines และมี Marketplace สำหรับหางานด้วย

ตัวที่แนะนำ (รวมทั้งฟรีและเสียเงิน):

  • OmegaT: (ฟรี) ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องมือฟรีที่ใช้งานได้จริงและมีฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน เหมาะสำหรับนักแปลอิสระเริ่มต้น หรือผู้ที่ยังไม่ต้องการลงทุน
  • RWS Trados Studio (เดิมคือ SDL Trados Studio): (เสียเงิน) ถือเป็น มาตรฐานอุตสาหกรรม ของ CAT Tools เป็นโปรแกรมที่ใช้งานแพร่หลายที่สุดในวงการแปล เอเจนซี่แปลส่วนใหญ่ใช้งานโปรแกรมนี้ การเรียนรู้และใช้งาน Trados ได้จะเปิดโอกาสในการรับงานจากเอเจนซี่ได้มากกว่า มีฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อนและครบถ้วนที่สุด แต่ก็มีราคาค่อนข้างสูง และอาจมี Learning Curve ที่ชันกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น
  • memoQ: (เสียเงิน) เป็นอีกหนึ่งโปรแกรม CAT Tool ที่ได้รับความนิยมและเป็นคู่แข่งสำคัญของ Trados มีฟังก์ชันการทำงานที่ทรงพลัง ใช้งานง่ายในบางแง่มุม และได้รับคำชมในเรื่องประสิทธิภาพและความเสถียร เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับนักแปลมืออาชีพ
  • Wordfast Pro: (เสียเงิน) เป็นอีกหนึ่ง CAT Tool ที่มีมายาวนาน ใช้งานง่าย และรองรับไฟล์ได้หลากหลาย Wordfast เองก็มีเวอร์ชันฟรีคือ Wordfast Anywhere (แบบ Cloud-based) ซึ่งลองเช็คเงื่อนไขการใช้งานเวอร์ชันฟรีล่าสุดได้ แต่อาจมีข้อจำกัดเรื่องขนาด TM

สรุป:หากคุณเพิ่งเริ่มต้นและต้องการทดลองใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้เริ่มจาก OmegaT หรือ Smartcat (เวอร์ชันฟรี) ครับ เมื่อคุณคุ้นเคยกับหลักการทำงานของ CAT Tools แล้ว และพิจารณาว่าจะยึดอาชีพนักแปลอย่างจริงจัง การลงทุนกับโปรแกรมเสียเงินที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่าง Trados Studio หรือ memoQ ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการรับงานครับ อย่าลืมใช้ประโยชน์จาก Free Trial ของโปรแกรมเสียเงินเพื่อทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะครับ

อ่านเพิ่มเติม  
อยากเป็นล่าม

อยากเป็นล่าม

การจะประกอบอาชีพล่าม (Interpreter) ที่ต้องสื่อสารด้วยการพูดจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งแบบ Real-time (ต่างจากการแปล - Translator ที่ทำงานกับเอกสารเป็นหลัก) ต้องอาศัยทักษะและความรู้ความสามารถที่สูงมาก และต้องเตรียมตัวหลายด้านครับ


1. การเตรียมตัวและพัฒนาทักษะที่จำเป็น:
ทักษะทางภาษาที่ยอดเยี่ยม: นี่คือหัวใจหลัก คุณต้องมีความเชี่ยวชาญในภาษาต้นทางและภาษาเป้าหมายในระดับสูงมาก โดยเฉพาะ:        

 ความเข้าใจ: เข้าใจภาษาต้นทางอย่างถ่องแท้ ทั้งสำเนียง การใช้คำศัพท์ วลี สำนวน ศัพท์เฉพาะทาง รวมถึงบริบททางวัฒนธรรม        

 การใช้ภาษา: ใช้ภาษาเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ เป็นธรรมชาติ คล่องแคล่ว มีคลังคำศัพท์กว้างขวาง และสามารถปรับระดับภาษาให้เหมาะสมกับผู้ฟังและ สถานการณ์ได้         

ความรู้รอบตัว: มีความรู้ในหลากหลายสาขา เพราะล่ามอาจต้องทำงานในบริบทที่หลากหลาย เช่น ธุรกิจ การแพทย์ กฎหมาย เทคนิค การเมือง วัฒนธรรมทักษะการฟังและการจดจำ: ล่ามต้องฟังและประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในการล่ามแบบ Consecutive (พูดสลับกัน) ต้องจดจำเนื้อหาจำนวนมากได้ หรือใช้เทคนิคการจดโน้ตเฉพาะของล่าม

ทักษะการพูด: พูดชัดเจน มีน้ำเสียงน่าฟัง ถ่ายทอดอารมณ์และเจตนารมณ์ของผู้พูดต้นทางได้

ทักษะการถ่ายทอด: สามารถจับใจความสำคัญและถ่ายทอดสารจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นกลาง โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเอง

ทักษะด้านสมาธิและความอดทน: การล่าม โดยเฉพาะแบบ Simultaneous (พูดไปพร้อมๆ กัน) ต้องใช้สมาธิสูงมากและทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรม: ล่ามทำหน้าที่เชื่อมช่องว่างทางภาษาและวัฒนธรรม ต้องเข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี และวิธีคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการสื่อสาร

จรรยาบรรณวิชาชีพ: ต้องยึดมั่นในความลับ (Confidentiality) ความเป็นกลาง (Impartiality) และความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy)


2. การเข้าเรียน/การศึกษา:
การจะเป็นล่ามมืออาชีพมีหลายเส้นทาง แต่ส่วนใหญ่ต้องอาศัยการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นพื้นฐาน

ระดับปริญญาตรี:    เรียนสาขาภาษาโดยตรง: คณะอักษรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ หรือคณะศิลปศาสตร์ ในสาขาภาษาต่างประเทศที่คุณสนใจ (เช่น ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี        เยอรมัน ฝรั่งเศส ฯลฯ) สถาบันที่มีชื่อเสียงด้านภาษาในไทยหลายแห่งมีหลักสูตรที่เข้มข้น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม การเรียนสาขาภาษาอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอสำหรับทักษะล่าม คุณอาจต้องเลือกวิชาโท หรือวิชาเลือกที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร การแปล หรือการล่าม (ถ้ามี)


 เรียนสาขาอื่นๆ ที่เน้นภาษา หรือหลักสูตรนานาชาติ: บางมหาวิทยาลัยอาจมีหลักสูตรที่เน้นการใช้ภาษาในบริบทต่างๆ เช่น การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม   (Intercultural Communication) หรือหลักสูตรนานาชาติในสาขาเฉพาะทาง ซึ่งอาจมีวิชาที่เกี่ยวข้องกับการล่ามและการแปลอยู่ด้วย


ระดับปริญญาโท:     หลักสูตรการแปลและการล่ามโดยเฉพาะ: ปัจจุบันมีบางมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทด้าน "การแปลและการล่าม" (Translation   and Interpreting) โดยตรง ซึ่งหลักสูตรเหล่านี้จะสอนทฤษฎี เทคนิค และการปฏิบัติงานล่ามในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพล่ามโดยเฉพาะ และมีพื้นฐานภาษาที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว


 หลักสูตรระยะสั้น/ฝึกอบรมเฉพาะทาง:    สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาดีอยู่แล้ว แต่ต้องการพัฒนาทักษะล่ามโดยเฉพาะ อาจพิจารณาเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้นเกี่ยวกับการล่าม ซึ่งมักจะเน้นเทคนิคการล่ามแบบต่างๆ (Consecutive, Simultaneous) การจดโน้ต หรือการล่ามเฉพาะทาง (เช่น ล่ามธุรกิจ ล่ามการแพทย์) หลักสูตรเหล่านี้อาจจัดโดยมหาวิทยาลัย สถาบันภาษา หรือหน่วยงานเอกชน


ตัวอย่างสถาบันในประเทศไทย (โปรดตรวจสอบข้อมูลหลักสูตรล่าสุดโดยตรงกับสถาบัน):
     จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: คณะอักษรศาสตร์ (มีหลักสูตรปริญญาโท การแปลและการล่าม)        

     มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์: คณะศิลปศาสตร์ (มีหลักสูตรปริญญาโท การแปลและการล่าม)          คณะมนุษยศาสตร์ (สำหรับภาษาอื่นๆ)          

     มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: คณะมนุษยศาสตร์ (มีหลักสูตรปริญญาโท การแปลและการล่าม) 

     มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ: คณะมนุษยศาสตร์          

     มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC): คณะศิลปศาสตร์          

    มหาวิทยาลัยกรุงเทพ: คณะมนุษยศาสตร์ (อาจมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง)                                   และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่เปิดสอนคณะหรือสาขาด้านภาษาต่างประเทศ


3. การสั่งสมประสบการณ์และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง:
          ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: การเป็นล่ามต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฟัง การพูด และการถ่ายทอด
         หาโอกาสทำงาน: ลองหาโอกาสในการล่ามในงานเล็กๆ น้อยๆ หรือทำงานเป็นล่ามฝึกหัด เพื่อสั่งสมประสบการณ์จริง
         เข้าร่วมสัมมนา/อบรม: เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะให้ทันสมัยอยู่เสมอ
         ติดตามข่าวสารและความรู้ในสาขาที่เชี่ยวชาญ: ล่ามเฉพาะทางต้องอัปเดตความรู้ในสาขานั้นๆ ตลอดเวลา


สรุป:
การจะเป็นล่ามที่ดีไม่ใช่แค่เก่งภาษา แต่ต้องมีทักษะรอบด้านและการฝึกฝนอย่างหนัก เส้นทางส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากการเรียนในระดับอุดมศึกษาในสาขาภาษา หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับการแปลและการล่ามโดยตรง จากนั้นจึงพัฒนาทักษะเฉพาะด้านล่ามเพิ่มเติมผ่านการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การเข้าอบรมระยะสั้น และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานจริงครับ

อ่านเพิ่มเติม  
สมาคมล่ามในประเทศไทย

สมาคมล่ามในประเทศไทย

ในประเทศไทย มีสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนักแปลและล่ามที่สำคัญ ดังนี้:

 

สมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย (The Translators and Interpreters Association of Thailand - TIAT)

  • วัตถุประสงค์: เป็นศูนย์รวมของนักแปลและล่าม รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการแปลและการล่าม
  • ที่อยู่: c/o คุณสุพัตรา ปั้นประสม สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก 416 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 67 บางพลัด กรุงเทพฯ 10700
  • เว็บไซต์: https://www.thaitiat.org/
  • อีเมล: thaitiat@gmail.com

นอกจากสมาคมหลักแล้ว ยังมีองค์กรหรือหน่วยงานที่ให้บริการด้านการแปลและล่าม รวมถึงมีบทบาทในการพัฒนาบุคลากรในสายอาชีพนี้ ได้แก่:

ศูนย์แปลและล่าม สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) (TPA Translation and Interpretation Center)

  • ให้บริการแปลเอกสารและล่ามภาษาญี่ปุ่น ไทย จีน อังกฤษ และภาษาอื่น ๆ
  • ที่อยู่: 534/4 ซ.พัฒนาการ 18 ถ.พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
  • เว็บไซต์: https://www.tpa.or.th/tic/

OJSAT Translation Center (ศูนย์การแปลและล่าม สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์)

  • ให้บริการงานแปลเอกสารและงานล่าม (โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
  • ที่อยู่: 408 อาคารพลโยธินเพลส ชั้น 16 ห้องเลขที่ 408/65 ถ. พญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
  • เว็บไซต์: https://www.ojsat.or.th/main/ojsattranslation/

สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย (The National Association of the Deaf in Thailand - NADT)

  • มีบริการล่ามภาษามือ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน
  • ที่อยู่: 1/8-9 ซอยอ่อนนุช 64 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250
  • เว็บไซต์: https://www.nadt.or.th/

ศูนย์การแปลและการล่ามเฉลิมพระเกียรติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  • ให้บริการงานแปลและล่าม 13 ภาษา โดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทสาขาวิชาการแปลและล่าม
  • ที่อยู่: คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 254 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  • เว็บไซต์: https://www.arts.chula.ac.th/~tran/th/index.php

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทและองค์กรที่ให้บริการจัดหาล่ามและแปลภาษา ซึ่งอาจมีเครือข่ายของล่ามมืออาชีพจำนวนมาก เช่น Beyond Interpreter Services, BB GLOBAL TRANSLATION, Onni Translation เป็นต้น.

อ่านเพิ่มเติม