การจะประกอบอาชีพล่าม (Interpreter) ที่ต้องสื่อสารด้วยการพูดจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งแบบ Real-time (ต่างจากการแปล - Translator ที่ทำงานกับเอกสารเป็นหลัก) ต้องอาศัยทักษะและความรู้ความสามารถที่สูงมาก และต้องเตรียมตัวหลายด้านครับ
1. การเตรียมตัวและพัฒนาทักษะที่จำเป็น:
ทักษะทางภาษาที่ยอดเยี่ยม: นี่คือหัวใจหลัก คุณต้องมีความเชี่ยวชาญในภาษาต้นทางและภาษาเป้าหมายในระดับสูงมาก โดยเฉพาะ:
ความเข้าใจ: เข้าใจภาษาต้นทางอย่างถ่องแท้ ทั้งสำเนียง การใช้คำศัพท์ วลี สำนวน ศัพท์เฉพาะทาง รวมถึงบริบททางวัฒนธรรม
การใช้ภาษา: ใช้ภาษาเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ เป็นธรรมชาติ คล่องแคล่ว มีคลังคำศัพท์กว้างขวาง และสามารถปรับระดับภาษาให้เหมาะสมกับผู้ฟังและ สถานการณ์ได้
ความรู้รอบตัว: มีความรู้ในหลากหลายสาขา เพราะล่ามอาจต้องทำงานในบริบทที่หลากหลาย เช่น ธุรกิจ การแพทย์ กฎหมาย เทคนิค การเมือง วัฒนธรรมทักษะการฟังและการจดจำ: ล่ามต้องฟังและประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในการล่ามแบบ Consecutive (พูดสลับกัน) ต้องจดจำเนื้อหาจำนวนมากได้ หรือใช้เทคนิคการจดโน้ตเฉพาะของล่าม
ทักษะการพูด: พูดชัดเจน มีน้ำเสียงน่าฟัง ถ่ายทอดอารมณ์และเจตนารมณ์ของผู้พูดต้นทางได้
ทักษะการถ่ายทอด: สามารถจับใจความสำคัญและถ่ายทอดสารจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นกลาง โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเอง
ทักษะด้านสมาธิและความอดทน: การล่าม โดยเฉพาะแบบ Simultaneous (พูดไปพร้อมๆ กัน) ต้องใช้สมาธิสูงมากและทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรม: ล่ามทำหน้าที่เชื่อมช่องว่างทางภาษาและวัฒนธรรม ต้องเข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี และวิธีคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการสื่อสาร
จรรยาบรรณวิชาชีพ: ต้องยึดมั่นในความลับ (Confidentiality) ความเป็นกลาง (Impartiality) และความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy)
2. การเข้าเรียน/การศึกษา:
การจะเป็นล่ามมืออาชีพมีหลายเส้นทาง แต่ส่วนใหญ่ต้องอาศัยการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นพื้นฐาน
ระดับปริญญาตรี: เรียนสาขาภาษาโดยตรง: คณะอักษรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ หรือคณะศิลปศาสตร์ ในสาขาภาษาต่างประเทศที่คุณสนใจ (เช่น ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน ฝรั่งเศส ฯลฯ) สถาบันที่มีชื่อเสียงด้านภาษาในไทยหลายแห่งมีหลักสูตรที่เข้มข้น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม การเรียนสาขาภาษาอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอสำหรับทักษะล่าม คุณอาจต้องเลือกวิชาโท หรือวิชาเลือกที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร การแปล หรือการล่าม (ถ้ามี)
เรียนสาขาอื่นๆ ที่เน้นภาษา หรือหลักสูตรนานาชาติ: บางมหาวิทยาลัยอาจมีหลักสูตรที่เน้นการใช้ภาษาในบริบทต่างๆ เช่น การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Communication) หรือหลักสูตรนานาชาติในสาขาเฉพาะทาง ซึ่งอาจมีวิชาที่เกี่ยวข้องกับการล่ามและการแปลอยู่ด้วย
ระดับปริญญาโท: หลักสูตรการแปลและการล่ามโดยเฉพาะ: ปัจจุบันมีบางมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทด้าน "การแปลและการล่าม" (Translation and Interpreting) โดยตรง ซึ่งหลักสูตรเหล่านี้จะสอนทฤษฎี เทคนิค และการปฏิบัติงานล่ามในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพล่ามโดยเฉพาะ และมีพื้นฐานภาษาที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
หลักสูตรระยะสั้น/ฝึกอบรมเฉพาะทาง: สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาดีอยู่แล้ว แต่ต้องการพัฒนาทักษะล่ามโดยเฉพาะ อาจพิจารณาเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้นเกี่ยวกับการล่าม ซึ่งมักจะเน้นเทคนิคการล่ามแบบต่างๆ (Consecutive, Simultaneous) การจดโน้ต หรือการล่ามเฉพาะทาง (เช่น ล่ามธุรกิจ ล่ามการแพทย์) หลักสูตรเหล่านี้อาจจัดโดยมหาวิทยาลัย สถาบันภาษา หรือหน่วยงานเอกชน
ตัวอย่างสถาบันในประเทศไทย (โปรดตรวจสอบข้อมูลหลักสูตรล่าสุดโดยตรงกับสถาบัน):
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: คณะอักษรศาสตร์ (มีหลักสูตรปริญญาโท การแปลและการล่าม)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์: คณะศิลปศาสตร์ (มีหลักสูตรปริญญาโท การแปลและการล่าม) คณะมนุษยศาสตร์ (สำหรับภาษาอื่นๆ)
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: คณะมนุษยศาสตร์ (มีหลักสูตรปริญญาโท การแปลและการล่าม)
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ: คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC): คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ: คณะมนุษยศาสตร์ (อาจมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง) และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่เปิดสอนคณะหรือสาขาด้านภาษาต่างประเทศ
3. การสั่งสมประสบการณ์และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง:
ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: การเป็นล่ามต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฟัง การพูด และการถ่ายทอด
หาโอกาสทำงาน: ลองหาโอกาสในการล่ามในงานเล็กๆ น้อยๆ หรือทำงานเป็นล่ามฝึกหัด เพื่อสั่งสมประสบการณ์จริง
เข้าร่วมสัมมนา/อบรม: เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ติดตามข่าวสารและความรู้ในสาขาที่เชี่ยวชาญ: ล่ามเฉพาะทางต้องอัปเดตความรู้ในสาขานั้นๆ ตลอดเวลา
สรุป:
การจะเป็นล่ามที่ดีไม่ใช่แค่เก่งภาษา แต่ต้องมีทักษะรอบด้านและการฝึกฝนอย่างหนัก เส้นทางส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากการเรียนในระดับอุดมศึกษาในสาขาภาษา หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับการแปลและการล่ามโดยตรง จากนั้นจึงพัฒนาทักษะเฉพาะด้านล่ามเพิ่มเติมผ่านการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การเข้าอบรมระยะสั้น และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานจริงครับ